จากเหตุการณ์สุดดราม่าเมื่อผู้เป็นมารดาคือ นางศิริกานต์ ศิรสิทธิ์ดำรงกิจ อายุ 53 ปี ชาว อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา เข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.ประชิด สมาฤกษ์ พนักงานสอบสวน สภ.เสนา เพื่อให้ดำเนินคดีกับ นายรพีพัชร ศิรสิทธิ์ดำรงกิจ อายุ 28 ปี ลูกชายแท้ๆ หลังจากจับได้ว่า แอบโอนเงินในบัญชีของมารดาไปให้ "วีเจสาว" คนหนึ่ง อายุประมาณ 20 ปี ที่อยู่แอพพลิเคชั่นไอโชว์ รวมทั้งสิ้นเกือบ 1.2 ล้านบาท จนสุดท้ายวีเจสาวยอมใจอ่อนมาหาถึงบ้าน ก่อนที่ทั้งคู่จะหายตัวไป
แม่แจ้งจับลูกชาย โอน 1.2 ล้านบาท บำเรอวีเจสาว คุยแอพชวนนอนบ้าน สุดท้ายโดนผู้หญิงทิ้ง
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 18 ก.ค. นางศิริกานต์ ศิรสิทธิ์ดำรงกิจ อายุ 53 ปี เดินทางเข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.ประชิด สมาฤกษ์ พงส.สภ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อให้ดำเนินคดีกับนายรพีพัชร ศิรสิทธิ์ดำรงกิจ อายุ 28 ปี ลูกชายหลังจับได้ว่าแอบโอนเงินในบัญชีของครอบครัวไปให้หญิงสาวรวมเกือบ 1.2 ล้านบาท ในระยะเวลาแค่ประมาณ 6-7 เดือน ทำให้ครอบครัวแทบจะสิ้นเนื้อประดาตัว เงินเก็บในบัญชีมียอดคงเหลืออีกเพียง 1.4 แสนบาทเท่านั้น
นางศิริกานต์ เปิดเผยว่า มีอาชีพเปิดร้านขายของชำอยู่ที่ย่านถนนวัดสามกอ-วัดบางนมโค อ.เสนา โดยหลังจากสามีซึ่งทำงานอยู่ที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สาขาเสนา ได้เสียชีวิตลงช่วงกลางปี 58 ทางธนาคารได้โอนเงินกองทุนเลี้ยงชีพมาให้ลูก ๆ 3 คน รวม 3 ล้านบาท ก่อนจะไปเปิดบัญชี และทำบัตรเอทีเอ็มในชื่อตน โดยปกติจะพักอาศัยอยู่กับนายพจน์บุตรชายคนกลาง ส่วนลูกชายคนโตกับคนเล็กไปทำงานอยู่ในตัวเมืองพระนครศรีอยุธยา ดังนั้นทุกครั้งที่ต้องกดเงินมาเป็นค่าใช้จ่ายผ่อนรถและซื้อของขายก็จะให้นายพจน์นำเอทีเอ็มไปกดเงินครั้งละ 3-4 หมื่นบาท โดยได้เบิกเงินมาแล้วประมาณ 10 ครั้ง รวมเป็นเงินประมาณ 4 แสนบาท ซึ่งทุกครั้งหลังจากกดเงินลูกชายก็ไม่เคยให้สลิปดู บางทีก็อ้างว่าลืมกดใบสลิปออกมาด้วย พอจะขอให้พาไปตรวจยอดเงินที่ธนาคารลูกก็จะบ่ายเบี่ยงตลอด
นางศิริกานต์ เผยต่อว่า กระทั่งวันที่ 16 ก.ค.ที่ผ่านมา ลูกชายได้พาผู้หญิงรูปร่างหน้าตาดี อายุประมาณ 20 ปี มานอนค้างที่บ้านพักโดยบอกว่าเป็นแฟนสาว และทำงานเป็นวีเจ หรือคนที่พูดในอินเทอร์เน็ต ต่อมาวันที่ 17 ก.ค. ทั้งคู่กลับหายออกจากบ้านพักไป เป็นช่วงที่ลูกชายคนโตกลับมาเยี่ยมบ้าน จึงให้ไปกดเอทีเอ็มเพื่อนำเงินมาใช้จ่ายและทำบุญในช่วงเข้าพรรษา แต่ปรากฏว่าเงินกดไม่ได้ เนื่องจากจำนวนการเบิกเงินในวันดังกล่าวเกินจำนวนครั้ง จึงรีบตรวจสอบไปยังธนาคารก่อนจะพบว่าเงินถูกโอนผ่านทางบัตรเอทีเอ็มไปเกือบ 1.2 ล้านบาท
นางศิริกานต์ เผยอีกว่า พอตรวจสอบเรื่องราวทั้งหมดทำให้ทราบว่านายพจน์ ได้เข้าไปสมัครเล่นแอพพลิเคชั่นไอโชว์ ซึ่งเป็นแอพฯ ที่มีสาว ๆ หน้าตาดี นั่งพูดคุยแบบสด ๆ โดยนายพจน์เกิดไปถูกใจวีเจสาวสวยคนหนึ่ง ถึงกับโอนเงินเพื่อซื้อของขวัญ ซึ่งเป็นไอคอนในแอพฯ ให้ทุกวัน ๆ ละหลายครั้ง ในราคาตั้งแต่ 1-6 หมื่นบาท จนสุดท้ายวีเจสาวเกิดใจอ่อนมาหาลูกชายถึงที่บ้านแล้วหายตัวไปด้วยกัน
เบื้องต้นตำรวจรับแจ้งความในข้อหาลักทรัพย์มารดาไว้แล้ว และจะติดตามตัวลูกชายมาสอบสวน หากพบว่าวีเจสาวบังคับหรือลวงหลอกให้โอนเงินก็ต้องดำเนินคดีด้วย
ต่อมาเวลา 19.00 น. นางศิริกานต์แจ้งมายังเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ขณะนี้นายรพีพัชร ได้โทรศัพท์ติดต่อเข้ามา แล้ว บอกว่าให้ช่วยไปรับตัวด้วยที่ตลาดรังสิต จ.ปทุมธานี หลังถูกวีเจสาวรายดังกล่าวมาปล่อยทิ้งไว้ และทางนายรพีพัชร ได้เดินทางเข้าพบตำรวจสภ.เสนา ผู้เป็นแม่ก็เดินทางไปพบแล้วตรงเข้าไปอบรมด้วยท่าทางที่เสียใจเป็นเวลานานกว่า 1 ชั่วโมง โดยนางศิริกานต์ ยืนยันว่าให้ดำเนินคดีกับนายระพีพัชร เนื่องจากนายระพีพัชร ไม่มีอาการที่จะสำนึก โดยนางศิริกานต์กล่าวว่า ต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำนินคดีโดยเด็ดขาด เนื่องจากนายระพีพัชร ยังยืนยันว่าจะไม่เลิกคบกับวีเจสาว แต่ในที่สุดนายระพีพัชร ก็สำนึกผิด ลุกขึ้นกล่าวขออภัยในความผิดและยอมรับผิดที่ขโมยเงินแม่ไป จากนั้นก็ก้มลงกราบที่เท้าของนางศิริกานต์ ผู้เป็นแม่ โดยนายระพีพัชร ยังยืนยันที่จะดำเนินคดีกับนายระพีพัชร หากยังยุ่งเกียวกับสาววีเจคนดังกล่าว หรือคนอื่นๆ ซึ่งนายระพีพัชร ยืนยันว่าจะเลิกติดต่อกับวีเจสาว โดยพยายามโทรศัพท์เข้าไปหาแต่ก็ไม่มีใครรับสาย บางครั้งก็กดทิ้ง แสดงว่าสาววีเจไม่สนใจนายระพีพัชรแล้ว นางศิริกานต์ยังไม่เชื่อใจ ขอให้ตำรวจลงบันทึกประจำวันว่า หากภายใน 7 วันยังมีการติดต่อกับสาวคนดังกล่าว ก็จะมาให้ดำเนินคดีตามกหมาย
ด้านนายระพีพัฒน์ เปิดเผยว่าตนเล่นแอปที่มีการโชว์สดนี้ มาเมื่อปลายปี 2558
โดยใช้การโอนเงินเข้าไป เพื่อแลกซื้อของขวัญให้กับวีเจที่จัดรายการ ซึ่งกำลังเป็นที่นิยม และยอมรับว่าเงินที่ได้มานั้น ก็แจกให้กับบรรดาสาวๆ รวมทั้งวีเจคนที่ตกเป็นข่าวนี้
ที่มา : Workpoint News