โปรตุเกส พลิกเอาชนะ เจ้าภาพฝรั่งเศส ช่วงต่อเวลา 1-0 จากประตูชัยของ "เอแดร์" นาที 109 คว้าแชมป์ยูโรไปครองสมัยแรก
การแข่งขันฟุตบอลยูโร 2016 ประเทศฝรั่งเศศ รอบชิงชนะเลิศ ที่สนามสต๊าด เดอ ฟร้องซ์ เมื่อคืนที่ผ่านมา
ระหว่างเจ้าภาพ ฝรั่งเศส พบ โปรตุเกส เกมนี้ ฝรั่งเศส ใช้ 11 ผู้เล่นตัวจริงชุดเดียวกับที่ชนะ เยอรมัน ในรอบรองฯ มา 2-0 ลงสนาม
ด้าน โปรตุเกส ได้ เปเป้, วิลเลี่ยมส์ คาร์วัลโญ่ กลับมาเป็นตัวจริง แนวรุกยังเป็น คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ หลุยส์ นานี่ เกมครึ่งแรก ค่อนข้างอึดอัด ทั้ง 2 ทีม ต่างเล่นกันแบบ ระมัดระวัง มีโอกาสมีลุ้นยิงประตูน้อยครั้ง
แต่ข่าวร้ายของโปรตุเกส ก็มาถึงนาทีที่ 25 เมื่อ โรนัลโด้ ที่โดน ปาเย่ต์ เข้าปะทะที่เข่าซ้ายช่วงต้นเกม ฝืนอาการเจ็บไม่ไหว ต้องถูกหามเปล และเปลี่ยนตัวออกจากสนาม ให้ ริคาร์โด้ กวาเรสม่า ลงเล่นแทน และจบครึ่งแรก เสมอกัน 0-0
ครึ่งหลัง ฝรั่งเศส เริ่มเปิดเกมบุกมากกว่า ส่วน โปรตุเกส เน้นการตั้งรับเป็นส่วนใหญ่ โดย ฝรั่งเศส มีลุ้นได้ประตูหลายครั้ง แต่โดนนายทวาร โปรตุเกส เซฟไว้ได้หมด ช่วงทดเจ็บ ฝรั่งเศส น่าได้ประตูชัยอย่างที่สุด เมื่อ อองเดร ปิแอร์ ชีญัก กองหน้าตัวสำรอง ยิงไปชาเสา ทำให้จบ 90 นาที เสมอกัน 0-0 ต้องดวลกันต่อช่วงเวลาพิเศษ
ช่วงต่อเวลาพิเศษ นาที 109 โปรตุเกส มาได้ประตูออกนำ 1-0 จากการยิงนอกกรอบของ เอแดร์ กองหน้าตัวสำรอง หลังจากนั้น ฝรั่งเศส พยายามบุกอย่างหนัก แต่ไม่มีจังหวะจบสกอร์ ครบ 120 นาที โปรตุเกส พลิกล็อกโค่นเจ้าภาพ ฝรั่งเศส แบบเหลือเชื่อ 1-0 คว้าแชมป์ฟุตบอลยูโร ไปครองสมัยแรก และถือเป็นแชมป์ฟุตบอลทัวร์นาเมนต์ใหญ่รายการแรกในประวัติศาสตร์ของโปรตุเกส และเป็นแชมป์แรกของโรนัลโด้กับทีมชาติ
ที่มา : Innnews.co.th