ในสหรัฐอเมริกา ผู้ใหญ่ 30% และวัยรุ่น 66% โดยประมาณที่นอนน้อยกว่าปกติ นี่ไม่ใช่เรื่องน่ากวนใจเพียงเล็กน้อย การนอนไม่หลับเป็นสาเหตุอันตรายต่อสุขภาพกายอย่างมาก คลอเดีย อากิวเร ได้นำเสนอว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับร่างกายและสมองถ้าไม่ยอมนอน
การนอนหลับ คือ การพักผ่อนที่ดีที่สุด และ ขาดไม่ได้ พอๆกับที่เราจำเป็นต้องทานอาหารในทุกวัน แต่ปัจจุบันหลายคนมีเวลานอนน้อยลง เพราะต้องตื่นแต่เช้าเพื่อออกจากบ้านไปทำงาน กว่าจะกลับถึงบ้านก็หลังเวลาพระอาทิตย์ตกดิน แถมต้องทำกิจกรรมในแต่ละวันมากมายเหลือเกิน เวลาพักผ่อนจึงน้อยลงไปโดยปริยาย
ความรู้ในเรื่องกลไกการนอนหลับก้าวหน้ามากขึ้นในช่วง 50 ปีนี้เอง. สิ่งที่ได้เรียนรู้นี้ลบล้างความเข้าใจผิด ๆ บางอย่างที่มีมาช้านาน. สิ่งหนึ่งที่หลายคนเข้าใจผิดคือ เนื่องจากการทำงานหลายอย่างในร่างกายช้าลงขณะพักผ่อน การนอนหลับจึงเป็นเพียงสภาพของการหยุดนิ่ง.
จากการศึกษารูปแบบคลื่นสมอง นักวิจัยทางการแพทย์ได้เรียนรู้ว่า การนอนหลับมีขั้นตอนและวงจรที่ซ้ำเป็นช่วง ๆ. แทนที่จะหยุดนิ่ง สมองของมนุษย์กลับทำงานด้วยความเร็วสูงในบางช่วงของการนอนหลับ. การหลับที่มีคุณภาพต้องมีวงจรเช่นนี้สี่รอบหรือมากกว่านั้นทุกคืนและมีเวลาเพียงพอสำหรับแต่ละรอบ.
การนอนหลับตอนกลางคืนตามปกติแบ่งได้เป็นสองชนิดหลัก ๆ คือ ชนิดที่เรียกกันทั่วไปว่า การนอนหลับแบบมีการกลอกตาเร็ว (REM, rapid eye movement หรือแบบมีการฝัน) และการนอนหลับแบบไม่มีการกลอกตาเร็ว (non-REM หลับแบบไม่ฝัน). คุณจะรู้ได้ว่าใครนอนหลับแบบมีการกลอกตาเร็วเมื่อมองเห็นลูกตาของเขากลอกไปมาเร็ว ๆ ใต้หนังตา.
การนอนหลับแบบไม่มีการกลอกตาเร็วอาจแบ่งย่อยได้อีกเป็นสี่ขั้น. เมื่อเริ่มนอน คุณจะค่อย ๆ เข้าสู่ขั้นที่หนึ่ง นั่นคือภาวะสะลึมสะลือหรือการหลับตื้น. ในขั้นนี้กล้ามเนื้อของคุณจะผ่อนคลายและคลื่นสมองจะถี่มากและไม่ค่อยสม่ำเสมอ. ในคืนปกติ การนอนหลับขั้นนี้ในรอบแรกจะใช้เวลาราว ๆ 30 วินาทีถึง 7 นาที. เมื่อคุณเข้าสู่ขั้นที่สอง หรือการหลับจริง ซึ่งตามปกติคุณจะใช้เวลา 20 เปอร์เซ็นต์ของการนอนหลับในแต่ละคืน คลื่นสมองจะห่างขึ้น. คุณอาจมีความคิดหรือภาพที่ไม่ปะติดปะต่อกันผุดขึ้นในจิตใจ แต่คุณไม่สามารถรับรู้สิ่งรอบข้างและมองไม่เห็นถึงแม้จะลืมตา.
การนอนหลับ มีลักษณะการทำงานอย่างไร และจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าคุณไม่หลับไม่นอน
การนอนหลับ มีลักษณะการทำงานอย่างไร และจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าคุณไม่หลับไม่นอน