งานวิจัยเผยคนไทยเกินกว่าครึ่งไร้เงินออม เราควรจะกังวลหรือเปล่า
ผมได้อ่านงานวิจัยของธนาคารทหารไทย ซึ่งมาดูสถานการณ์ทางการเงินของคนไทยและค้นพบว่าคนไทยส่วนใหญ่ถ้าหยุดทำงานหรือรายได้ชะงักไป จะมีโอกาสสูงมากที่จะเข้าข่ายเดือดร้อนจัดการเงินทันที ถ้าเปรียบเทียบให้เห็นเป็นตัวเลขคนไทย 80% จากประชากร 35 ล้านคนไม่มีเงินออมมากพอที่จะปกป้องตัวเองจากความเสี่ยงทางการเงินหากรายได้หายไป พูดง่ายๆก็คือไม่มีเงินเก็บเทียบเท่ากับค่าใช้จ่ายอย่างน้อย 6 เดือน เพื่อเอาไปใช้จ่ายสำรองฉุกเฉินและคำถามคือถ้าคนไทยส่วนใหญ่ไม่ออมเงิน แล้วเงินของพวกเขาหมดไปกับอะไร งานวิจัยบอกเลยครับว่าหมดไปกับหวย สุรา บุหรี่และการในไลฟ์สไตล์บนโลกโซเชียล ติดหรูมากจนจับจ่ายใช้สอยเกินตัว ยอมเอาเงินในอนาคตมาใช้แล้วก็จ่ายดอกเบี้ยแพงๆ เข้าข่ายใช้เงินกินเที่ยวก่อนแล้วก็ค่อยออมทีหลัง
เงินออมไม่ได้เป็นเรื่องของคนมีฐานะหรือผู้ยากจนแต่มันเป็นเรื่องของการมีวินัยและความตั้งใจและที่สำคัญที่สุดก็คือ คนที่ตั้งเป้าหมายอยากจะมีชีวิตและการเงินที่มีก็ต้องเริ่มต้นที่เงินออมเป็นอันดับแรก เพราะนอกจากมันจะช่วยทำให้เราอุ่นใจแล้วมันยังส่งผลต่อความมั่นใจที่มีให้กับตัวเองด้วย เอาจริงๆนะครับผมไม่ชอบคำสอนที่พูดกันผ่านโซเชียลเลยว่า
ตอนเด็ก มีแรง มีเวลา แต่ไม่มีเงิน
ตอนโต มีแรง มีเงิน แต่ไม่มีเวลา
ตอนชรา มีเงิน มีเวลา แต่ไม่มีแรง
เพราะผมเองก็เคยเห็นคนที่มีทุกอย่างและไม่มีอะไรสักอย่างของทุกช่วงเวลาวัยชีวิตมากับตาตัวเองแล้ว เงินทองของคุณไม่ได้เพิ่มพูนขึ้นตามกาลเวลา แต่มันเกิดขึ้นจากการวางแผนและใส่ใจ ดังนั้นมันเป็นไปไม่ได้เลยครับ ถ้าใครสักคนนึงไม่ขยันเพิ่มรายได้ แต่เน้นจับจ่ายใช้สอยแบบไม่คิดหน้าคิดหลังแล้ววัยชราจะมีทั้งเงิน มีเวลาแล้วก็มีแรง
สาเหตุที่ทำให้คนสมัยนี้ออมเงินได้ยากมากยิ่งขึ้นเพราะมีค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นมากจนเกินไปครับ ประเทศไทยมีคนเล่น Facebook เป็นอันดับ 8 ของโลก Instagram อันดับ 4 ของโลก ซึ่งคนไทยใช้สิ่งนี้เน้นโพสกิน เที่ยว โชว์ Lifestyle รีวิวร้านอาหารและสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆซึ่งปัจจุบันมีการโพสต์มากขึ้นทุกปี
และตามสถิติใน Google คนไทยค้นหาคำว่า รีวิวร้านอาหาร นั่งเล่น เที่ยว เพิ่มขึ้นทุกปีเช่นเดียวกัน นี่ยังไม่รวมเรื่องของ Shopping อีก มีการเก็บข้อมูลหรือว่าสินค้าหลายๆอย่างที่คนไทยซื้อออนไลน์นั้น ซื้อมาด้วยความคิดที่ว่า ซื้อมาเก็บไว้ก่อนแล้วกันแล้วค่อยๆหาเรื่องใช้ทีหลัง แล้วเวลาเจอของลดราคาก็ต้องซื้อ ซึ่งทำให้การออมเงินเป็นเรื่องยากขึ้นไปอีก เรียกได้ว่าขอให้ได้ซื้อใช้ไม่ใช้เป็นอีกเรื่องหนึ่ง การผ่อนของ 0% ก็เช่นกัน บางครั้งสินค้าบางอย่างมีการจัดรายการผ่อน 0% โดยที่ไม่ต้องเสียดอกเบี้ย แต่คนที่ไม่มีกำลังในการผ่อนก็ยังริอาจซื้อ ทำให้มีคนกว่า 50% ไม่มีกำลังจ่ายเงินคืนบัตรเครดิตเต็มกำลัง ต้องเสียดอกเบี้ยบัตรเครดิต 18% ต่อปี แสดงให้เห็นว่าคนไทยส่วนใหญ่นอกจากจะออมเงินไม่เป็นแล้ว ยังใช้เงินเกินตัวอีกต่างหาก ซึ่งนี่คือเรื่องที่น่ากลัวมากๆเพราะมันเป็นแนวโน้มไปสู่ปัญหาทางการเงินในอนาคต หากไม่เริ่มคิดเรื่องการวางแผนการเงินอย่างจริงจัง นี่ยังไม่รวมพฤติกรรมการช็อปปิ้งของคนไทยที่น่าซื้อของตามกระแสแล้วก็พอโพสอวดคนอื่นในโลกโซเชียลอีกต่างหาก ที่น่าตลกมากๆก็คือคนไทยมีความเชื่อว่า ถ้าเรามีปัญหาทางการเงิน สิ่งที่เราควรทำอย่างนี้ก็คือ เสี่ยงโชค เสี่ยงจากหวย ลอตเตอรี่ เพราะว่าถ้าเกิดถูกรางวัลขึ้นมา พวกเขาก็จะสามารถแก้ไขปัญหาทางการเงินได้หมดจด กลายเป็นว่าหลุดพ้นจากความยากจนทันที ลงทุนก้อนเล็กจะได้ผลลัพธ์รวยเร็ว ซึ่งมันแสดงให้เห็นว่าคนไทยให้ความสำคัญกับการเสี่ยงโชคมากขนาดไหน
ผมมั่นใจว่าคนไทยเนี่ยให้ความสำคัญกับการศึกษาความรู้ทางการเงินน้อยมากๆ และมีความเชื่อว่าการใช้เงินซื้อความสุขโดยไม่ต้องคิดถึงอนาคตเป็นการอยู่กับปัจจุบันเหมือนกับที่พระพุทธศาสนาสอนเอาไว้ว่า ให้เรามีสติอยู่กับปัจจุบันอย่าส่งจิตไปในอนาคต เกี่ยวกันไหมเนี่ย ผมว่ามันเป็นการเอา 2 เรื่องที่ไม่เกี่ยวกันมาเชื่อมโยงกันนะครับ พระพุทธเจ้าสอนให้เราไม่ประมาทกับชีวิตไม่ใช่หรอ ถ้ามองในมุมมองของเศรษฐกิจการที่เราไม่มีเงินออมมากพอที่เราจะสร้างกองทุนสำรองเลี้ยงชีพให้กับตัวเองนั้นหมายถึงว่าเรากำลังสร้างอนาคตที่มันมีแนวโน้มจะลำบากทางการเงินมากๆอยู่นั่นเอง
ถ้าเราใช้เงินอย่างไม่ยั้งคิดจะถึงขนาดยอมเป็นหนี้บัตรเครดิต ยอมเป็นหนี้สินเชื่อมากมาย และเราก็ไม่มีปัญญาในการจ่ายคืนจนหมด ถ้าคุณยังมีพฤติกรรมแบบนี้เมื่อไหร่ล่ะที่เราจะถึงเส้นชัย ถึงจุดที่เรามีความสบายกายสบายใจทางการเงินสักที
สุดท้ายนี้ผมขอฝากประโยคทองคำที่ผมยึดถือมาตลอดชีวิตนะครับ เมื่อ Lifestyle มาคู่กับ ไร้สตัง ทางการเป็นหนี้แบบไร้สติจึงบังเกิด ขอให้ทุกคนสร้างโชคดีด้วยการเริ่มออมเงินตั้งแต่วันนี้ได้เลยครับ
คนไทยไร้เงินออม ไม่มีเงินเก็บ แล้วเงินของพวกเขาหมดไปกับอะไร แล้วควรกังวลหรือไม่