ช่วงที่ผ่านมา เราน่าจะได้เห็นนโยบายการแจกเงินให้กับประชาชนในบ้านเรากันไปบ้าง ดูแล้วก็เหมือนจะดีเพราะว่าเงินหายากขนาดนี้ แล้วทำไมรัฐบาลไม่พิมพ์เงินออกมาแจกให้เยอะไปเลยล่ะ
ถ้ารัฐบาลแจกเงินให้กับทุกคนก็จะทำให้ทุกคนมีงานเพิ่มขึ้นนี่นา แต่รัฐบาลก็ทำแบบนั้นไม่ได้หรอก ถึงแม้ว่าทุกคนจะมีเงินเพิ่มขึ้นแต่ปริมาณสินค้าที่มีเท่าเดิม ก็จะทำให้ทุกคนแย่งกันซื้อของราคาสินค้าก็คงจะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นสูงขึ้นไปเรื่อยๆ สภาวะที่เข้าของราคาแพงขึ้นแบบนี้แหละที่เราจะเรียกว่าภาวะเงินเฟ้อ
เงินเฟ้อทำให้ของแพงขึ้นแต่ถ้าแจกเงินไปเรื่อยๆ คนก็ยังรวยขึ้น แล้วมันไม่ดีตรงไหนล่ะ เพราะภาวะเงินเฟ้อนั้นสามารถรุนแรงได้มาก จนถึงขั้นทำให้สกุลเงินล่มสลายได้เลยเชียวนะ
รู้หรือไม่ตอนนี้ประเทศซิมบับเวไม่มีใครใช้สกุลเงินประเทศตัวเองกันแล้วนะ เพราะรัฐบาลได้พิมพ์เงินออกมาเยอะมากจนเกินไปเพื่อใช้หนี้ IMF เมื่อเงินที่พิมพ์ออกมาเยอะมากจนทำให้เหมือนไม่มีค่า ค่าเงินดอลลาร์ซิมบับเวเลยอ่อนลงอย่างรวดเร็ว สินค้าต่างๆก็แพงขึ้นในทันที
ในปัจจุบันประเทศเวเนซุเอลา ก็กำลังประสบปัญหาเงินเฟ้ออย่างรุนแรงมาหลายปีแล้วเหมือนกัน ในปี 2018 ที่ผ่านมาประเทศเวเนซุเอลามีอัตราเงินเฟ้อสูงถึง 80,000% ถ้าเทียบแล้ว ข้าวของต่างๆก็คือแพงขึ้นถึง 1,600 เท่า เงินที่ควรจะเอาไปดาวน์รถได้หรือต้นปี ปลายปีกับซื้อกาแฟได้เพียงแก้วเดียวเท่านั้น ในเมื่อความมั่นคงในสกุลเงินไม่มี ใครที่ได้เงินมาก็จะรีบใช้ออกไปในทันทีหรือทางที่ดีก็หันมาใช้เงินสกุลอื่นที่น่าเชื่อถือกว่า อย่างดอลลาร์หรือทองคำแทน
ถึงแม้ว่าเงินเฟ้อรุนแรงจะไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ แต่เงินเฟ้อก็เกิดขึ้นอยู่ได้เป็นปกติถึงแม้ว่าเราจะทำงานมากขึ้น รวยมากขึ้นแต่ว่าเงินเฟ้อก็จะทำให้ของต่างๆแพงขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน ในประเทศไทยเราเองก็ให้ภาวะเงินเฟ้อเหมือนกันที่ประมาณ 2-4 เปอร์เซ็นต์ต่อปี ถ้าเราเก็บเงินไว้เฉยๆเมื่อเวลาผ่านไป 30 ปี เงินที่ควรจะซื้อของได้เต็มรถเข็น ก็อาจจะซื้อได้แค่ครึ่งเดียว นั้นแหละเป็นเหตุผลว่าทำไมเราต้องรู้จักลงทุน อย่างน้อยก็หาผลตอบแทนให้ได้ไม่น้อยกว่าอัตราเงินเฟ้อ
เงินเฟ้อปีศาจตัวหนึ่งที่เราควรเรียนรู้ไว้ไม่ได้กินอะไรแล้วก็จะสามารถรับมือกับมันได้อย่างสบายๆ